วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

วิธีแต่งบ้านคลายร้อน


บ้านไหนที่รู้สึกเริ่มร้อน วันนี้มีวิธีแต่งบ้านคลายร้อนมาฝาก...
การแต่งบ้านคลายร้อนมีองค์ประกอบอยู่ 3 อย่างแบบง่าย ๆ คือ ลม น้ำ และต้นไม้ บ้านจะเย็นสบายได้ จะต้องพึ่งลมเป็นอันดับแรก เพราะลมจะช่วยระบายอากาศที่ร้อนอบอ้าวให้คลายลง นอกจากนี้ยังไล่อากาศเสีย กลิ่นอับภายในบ้าน ส่งผลให้คนในบ้านมีสุขภาพดีอีกด้วย
บ้านจะรับลมได้ก็ต่อเมื่อแบบบ้านเอื้ออำนวยให้ลมพัดเข้าบ้านได้ เช่น ประตูเข้าบ้าน ห้องรับแขก ห้องอาหาร ซึ่งเป็นห้องแบบเปิดที่มีช่องประตูหน้าต่างให้ลมเข้าบ้านได้ อยู่ทางทิศใต้ หรือตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศทางลมหลัก โดยเฉพาะหน้าร้อน ที่ลมจะมาทางทิศใต้ ก็จะทำให้บ้านเย็นสบาย โดยไม่ต้องพึ่งแอร์ หรือพัดลมเลย แต่ต้องเปิดประตูหน้าต่าง ช่องประตู หน้าต่างของบ้าน อยู่ในตำแหน่งทางลม จะช่องให้บ้านเย็น
น้ำ พูดถึงน้ำก็เย็นแล้ว เพราะฉะนั้น การเอาน้ำมาแต่งบ้าน จึงกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำพุ น้ำตก หินหมุน ไหล้น หรือแม้แต่ตู้ปลาสักตู้ ล้วนนำความเย็นให้กับบ้านทั้งสิ้น ตำแหน่งที่สามารถวางน้ำได้ก็รอบบ้านเลย ตรงไหนก็ได้ แต่มีข้อแม้ตรงที่ว่าจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่คนในบ้านมองเห็น เพราะถ้ามองไม่เห็น ก็ถือว่าไม่ช่วยอะไรเลย น้ำมีผลมากต่อจิตใจของคน เวลาเครียด โมโห หงุดหงิด ลองมานั่งมองน้ำได้ยินเสียงน้ำ สักพักอารมณ์จะดีขึ้น ขนาดน้ำ ยิ่งใหญ่ยิ่งมีผลมาก
ต้นไม้ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บ้านเย็น การปลูกต้นไม้ในบ้านมาก จะช่วยลดความร้อนจากแสงแดดที่ส่องเข้าบ้าน โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ (ถ้ามีพื้นที่มากพอ) จะได้ประโยชน์มาก การดูทิศเพื่อปลูกต้นไม้ ก็จะช่วยแก้ความร้อนได้อย่างถูกจุด เช่น ต้นไม้ใหญ่ควรปลูกทางทิศทางแดด คือ ทิศตะวันออก และตะวันตก ไม่ควรปลูกต้นไม้ใหญ่ทางทิศใต้ หรือตะวันตกเฉียงใต้ เพราะจะบังลมเข้าบ้าน
บ้านไหนที่อยากให้บ้านเย็นสบาย ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปตกแต่งบ้านกันได้.

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552

อะฟลาท็อกซิน

อะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) เป็นสารพิษเกิดจากเชื้อรา พบปนเปื้อนในอาหารมากที่สุดชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่มักพบในอาหารหรือผลิตภัณฑ์จากถั่วลิสง เช่น ถั่วลิสงดิบ ถั่วลิสงคั่ว หรือถั่วลิสงเคลือบ ทั้งยังพบในถั่วชนิดอื่นๆ รวมถึงข้าวและข้าวโพดด้วย
นอกจากนี้ ยังพบในแป้งต่างๆ รวมทั้งอาหารอบแห้งทั้งหลาย ได้แก่ พริกแห้ง พริกป่น พริกไทย งา ปลาแห้ง กุ้งแห้ง กระเทียม หัวหอม ผักผลไม้อบแห้ง เครื่องเทศต่างๆ หรือแม้แต่สมุนไพร ชา ชาสมุนไพร และกาแฟคั่วบด
สรุปแล้ว "อะฟลาท็อกซิน" ใกล้ชิดกับมนุษย์ชนิดหายใจรดต้นคอ เพราะมีอยู่ในอาหารที่เราบริโภคประจำวัน หากร่างกายได้รับสารพิษชนิดนี้ประจำจะเพิ่มโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งตับ ที่ทุกวันนี้ติดอันดับคร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดโรคหนึ่ง (คนไทยทุกๆ 100,000 คน เสียชีวิตเพราะมะเร็งตับ 51.7 คน)
เราจะป้องกันหรือหลีกเลี่ยงพิษภัยของอะฟลาท็อกซินได้อย่างไร? นิตยสาร "ฉลาดซื้อ" ฉบับธ.ค.แนะนำดังนี้
1.อะฟลาท็อกซินเติบโตได้ดีในอาหารที่มีความชื้นมากๆ เราสามารถสังเกตเห็นเชื้อราตัวนี้ได้ด้วยตาเปล่า ลักษณะสีเขียวอมเหลืองหรือเขียวเข้ม เมื่อพบถั่วหรืออาหารที่มีราสีเขียวอมเหลืองควรทิ้งให้หมด ห้ามนำมาปรุงอาหารเด็ดขาด
2.อาหารที่แนวโน้มเกิดเชื้อราได้ อย่างพริกแห้ง กระเทียม เครื่องเทศต่างๆ ไม่ควรซื้อมาเก็บตุนไว้ในปริมาณมาก ซื้อเท่าที่จำเป็นต้องใช้ และเก็บไว้ในที่แห้งสนิท ผักผลไม้ก็เช่นกัน
3.หลีกเลี่ยงถั่วลิสงคั่วที่ดูเก่า มีความชื้นหรือมีกลิ่นหืน เพราะมีโอกาสที่จะพบการปนเปื้อนของอะฟลาท็อกซินสูง เป็นไปได้ไม่ควรรับประทานบ่อยหรือรับประทานในปริมาณมาก
4.อาหารที่เกิดจากเชื้อราได้ง่าย ควรเลือกซื้อจากแหล่งผลิตที่ไว้ใจได้ หีบห่อมิดชิด และควรสดใหม่ ไม่เป็นสินค้าที่เก็บค้างไว้นานหลายเดือน อย่าซื้ออาหารที่มีกลิ่นอับหรือกลิ่นหืน ซึ่งแสดงถึงความเก่าเก็บหรือการเก็บรักษาไม่ดี
5.หากสงสัยอาหารมีราขึ้นให้ทิ้งทันที อย่าทิ้งเฉพาะส่วน แม้แต่กระดาษหรือกล่องที่สัมผัสกับอาหารที่ขึ้นราก็ให้ทิ้งด้วย เพื่อป้องกันการปนเปื้อนอาหารอื่น
6.อุปกรณ์เครื่องครัว รวมทั้งเขียงควรล้างให้สะอาด ระหว่างเตรียมอาหารควรซับให้แห้งอยู่เสมอ อย่าให้มีราขึ้น
พึงระลึกไว้เสมอว่า สภาพอากาศร้อนชื้นในบ้านเราเหมาะกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และเชื้อราอย่างยิ่ง จึงต้องใส่ใจเรื่องการเก็บรักษาอาหาร เครื่องครัว ส่วนอาหารตามท้องตลาดก็อย่าลืมหมั่นตรวจสอบความสดใหม่
ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยลดอัตราเสี่ยงจากมะเต็งตับอันเกิดจากสารอะฟลาท็อกซินได้