วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551

♥..la connaissance..♥ - La ville


animé (adj.) คึกคัก,มีชีวิตชีวา
rapide (adv.) รวดเร็ว,ว่องไว,ทันควัน,สูงชัน
le gens (n.m.) คน
se connaître (v.) รู้จักกัน
l'activité (n.m.) กิจกรรม
distinguer (v.) สังเกตเห็น,ทำให้เห็นอย่างชัดแจ้ง,เลือที่รักมักที่ชัง,แสดงลักษณะ
le centre de la ville (n.m.) ใจกลางเมือง
la banlieue (n.f.) ชานเมือง
composer (v.) ประกอบแต่ง,เรียบเรียง,ทำขึ้น
plusieurs (adj.) หลาย,ต่างๆ นานา
quartier (n.m.) ย่าน
un immeuble (n.m.) ตึก,อาคาร
un grand magasin (n.m.) ห้างสรรพสินค้า
des boutiques (n.f.) ร้านค้า
une cathédrale (n.f.) โบสถ์
un jardin public (n.m.) สวนสาธารณะ
un musée (n.m.) พิพิทธภัณฑ์
une rue (n.f.) ถนน
une avenue (n.f.) ถนนหลวง
un théâtre (n.m.) โรงภาพยนต์
une poste (n.f.) ที่ทำการไปรษณีย์

The Weather Forecast, Part 1

เริ่มต้นด้วยคำว่า การพยากรณ์อากาศกันก่อนซึ่งภาษาฝรั่งเขาใช้ว่า The weather forecast การที่เรียกเช่นนั้นก็เพราะคำว่า forecast คือการคาดคะเน มันมาจากการรวมตัวกันของคำว่า fore และ cast หมายถึงคำนวณไว้ก่อนซึ่งก็คือ การคาดการณ์ คำนี้อ่านว่า ฟอร์ แคสท์

นักอุตุนิยมวิทยานั้น ฝรั่งคนเรียกว่า meteorologist อ่านว่า มีเทียอาเลอจิลท์ และวิชาพยากรณ์อากาศ หรืออุตุนิยมวิทยานั้นฝรั่งเขาก็ใช้ว่า meteorology มีเทียอาเลอจี้ ส่วนคำที่ใช้บรรยายดินฟ้าอากาศ เราสามารถจำได้จากรูปคำนามของตัวมันเอง เช่น ฝนฝรั่งเขาเรียกว่า rain ลมนั้นก็คือ wind

แล้วเราก็จัดการเอา Y ซึ่งหมายถึง เต็มไปด้วย มาไล่เติมไป ก็จะได้สิ่งที่เจ้าต้องการโดยไม่ต้องไปท่องให้เหนื่อย

- rain + y = rainy = ฝนซุก
- sun + ny = sunny = แดดจัด
- fog + gy = foggy = หมอกหนา
- snow + y = snowy = หิมะเยอะ
- cloud + y = cloudy = เมฆมาก
- storm + y = stormy = พายุแรง
- wind + y = windy = ลมแรง
- shower + y = showery = ฝนเยอะ

คำว่า scattered มาจากคำกริยาว่า to scatter แต่ถูกนำมาเติม –ed เข้า เพราะเขาต้องการหมายถึง “ที่ถูกทำให้กระจัดกระจาย แปลว่า “ที่กระจัดกระจาย” เช่น Scattered showers ซึ่งก็คือที่มีฝนกระจาย

ส่วนคำว่า showers นั้น จะให้ดีต้องนึกถึงเวลาที่อาบน้ำด้วยฝักบัวที่บ้าน ก็ให้นึกถึงสภาพนั้นเอาไว้ ส่วนคำว่า thundershowers ก็จะหมายถึง “ฝนฟ้าคะนอง” ในภาษาไทยเรา ยังมีอีกคำหนึ่งที่เขาชอบใช้ในการบรรยายฝนที่ตกโดยทั่วไปนั่นคือ widespread คำนี้ก็เห็นภาพอีกเช่นกัน เพราะมันมาจากการรวมตัวกันของคำว่า wide ซึ่งหมายถึง “กว้าง” และ spread ซึ่งแปลว่า “แผ่ออกไป” เช่น widespread showers ก็จะหมายถึง สภาพฝนตกโดยทั่วไป

ยังมีอีกหนึ่งคำที่ใช้กันบ่อยก็คือ isolated คำนี้ออกเสียงว่า ไอเสอะเลเทิ่ด ซึ่งหมายถึง “ที่เกิดขึ้นเป็นแห่งๆ เป็นหย่อมๆ” คำนี้มาจากกริยาคือ isolate อันหมายถึง “แยกตัวออกไป” ซึ่งถ้าใครโดนคำนี้เข้าให้ก็จะหมายถึง “ถูกแยกตัวออกไปจากกลุ่ม” เช่น Peter is isolated from his friends. ซึ่งจะหมายถึงว่าคุณ Peter นั้นถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครคบด้วย และถ้านำไปวางไว้หน้าคำนามก็จะมีความหมายว่า ที่ไกลออกไปจากผู้คน เช่น isolated villages ก็คือหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไป แบบชนิดที่เขาไม่ไปกัน และถ้านำไปบรรยายความรู้สึกของคนหรือสิ่งมีชีวิตอื่นใด ก็จะมีความหมายว่า “อยู่อย่างโดดเดี่ยว” ซึ่งก็มีความรู้สึกของความอ้างว้างอยู่ เช่น I feel isolated ซึ่งหมายถึงโดนโดดเดี่ยว คำนี้นั้นสามารถนำมาใช้ในความหมายอื่นอีกได้เช่น Hey! We should isolate David because he is selfish. หมายความว่า “เฮ๊ย พรรคพวก เลิกคบไอ้เดวิด มันเถอะเพราะมันเห็นแก่ตัว” เป็นต้น และในทำนองกลับกัน เมื่อคุณรู้สึกเอียนกับสังคมอันน่าเฟะ คุณก็พูดได้ว่า “ I want to isolate myself from the society ” หมายความว่า “ฉันอยากจะแยกตัวไปจากสังคมจะตาย”

ส่วนคำที่ปรากฏในข่าวว่า isolated heavy rainfall ก็จะหมายถึงว่า ฝนตกหนักเป็นบางแห่ง ทีนี้คำว่า rain กับ rainfall นั้น มันแตกต่างกันตรงไหน อันที่จริงก็ไม่ต่างกันมาก

คำว่า rain นั้นหมายถึง ฝน ส่วนคำว่า rainfall นั้นไปเน้นที่ปริมาณฝนที่พื้นที่นั้นๆ

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ปาร์ค จองซู



ชื่อ-ปารค์ จองซูเกิด-1 กรกฏาคม 1983ศาสนา-คริสต์
ราศี-กรกฎกรุ๊ปเลือด-เอสูง-179น้ำหนัก-60

นิสัยส่วนตัว-ร่าเริงแจ่มใส ความสามารถพิเศษ-ร้องเพลง ตอบคำถามงานอดิเรก-แต่งเพลง ร้องดพลง ฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ตฤดูที่ชอบ-หนาวเหตุผลที่คุณชอบฤดูหนาว-มีเทศกาลเยอะความประทับใจ-ทำสิ่งที่ฝันเป็นจริงคืออะไร-เป็นนักร้องอาหารที่ชอบ-ทุกอย่างที่ชอบคุณชอบเรียกตัวเองว่าอะไร-ทึกกี้ครับ กับไก่น้อย เพราะว่าหน้าผมเหมือนไก่เกิดชาติหน้าอย่างเป็นอะไร-นกนางแอ่น เพราะเป็นนกที่สวยและบินไปทั่วที่อยากไปถ้าย้อนอดีตกลับไปได้อยากไปไหน-1975ถ้าไปอนาคตได้อยากไปยุคไหน-40 ปี ข้างหน้า ทำไมถึงอยากไปอีก 40 ข้างหน้า-อยากรู้ว่า superjunior ในตอนนั้น จะเป็นยังไง
มีเพื่อนสนิทอยู่กี่คน-มากกว่า 10 คนอนาคต-เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆถ้าสมสุติว่าคุณไปอยู่ที่ไหนซักแห่งโดยที่พูดภาษานั้นไม่ได้คุณจะทำอย่างไร-ตั้งสติ บอกตัวเองว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้ความรักครั้งแรก-ยังไม่มีครับ
ชอบผู้หญิงแบบไหนกัน-น่ารัก ใสซื่อบริสุทธิ์ สูง 163 ยิ้มตาจะเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว มีความมั่นใจ ฉลาด หุ่นดีถ้าบินได้เหมือนนกนางแอ่นคุณอยากไปไหน-ไปต่างประเทศ ที่ที่อยากไป
เรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิต-เมื่อตอนอายุ 17 ทักคนที่หน้าตาเหมือนเพื่อนผม แต่ทักผิดคน อายมาก ตอนนั้นผมอยู่ในที่ๆมีคนเยอะและเค้าก็มองผมด้วย ผมอายมากเวลาคุณเสียใจคุณจะทำอย่างไร-ผมอาจจะแอบไปร้องไห้ระบายคนเดียว เพราะผมไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าใครเวลาคุณดีใจล่ะ-ผมจะกระโดดโลดเต้นอย่างคึกคักคุณชอบใส่เสื้อผ้ายี่ห้ออะไร-ทุกยี่ห้อแหล่ะเสื้อผ้าที่คุณชอบใส่ล่ะ-เชิตยึดหนา ชุดที่ใส่สบาย เช่น ชุดที่ใส่สไตล์ไปเที่ยวทะเลอนาคตอยากแต่งงานตอนอายุเท่าไหร่-33-34 ขึ้นอยากมีลูกกี่คนในอนาคต-2 คน ชาย 1 หญิง 1ชอบวันเวลาไหนมากที่สุด-วันที่ผมชอบก็คือเวลากลางคืนที่มีท้องฟ้า ดวงดาว พระจันทร์ที่สวยงาม ลมพัดเย็นสบายๆ ผมนอนดูอยู่บนผืนหญ้า มีความสุขมากขนมที่ชอบ-เค้กครีม คุ๊กกี้ ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง-ยังไม่มีหรอกครับ ตอนนี้ผมกำลังรับสมัครเป็นแฟนผมอยู่ครับ
คุณชอบความรักแบบไหน-รักหวานโรแมนติกคุณอยากจะบอกอะไรกับแฟนคุณถ้าคุณมีแฟน-รักผมมากๆเหมือนที่ผมรักคุณนะคุณอยากจะให้อะไรกับแฟนคลับคุณที่พวกเค้าติดตามผลงานมา-มอบเสียงเพลง เสียงร้อง และความรักของผมให้ลักษณะเด่นประจำตัวคุณ-รอยยิ้ม ที่มีลักยิ้มคู่ และยิ้มลึกๆของผมปกติผมไม่ค่อยยิ้มเลยนะอยากจะฝากบอกอะไรแฟนๆคุณหรือปล่าว-ก็ช่วยติดตามผลงานของ superjunior ด้วยนะครับ ทุกผลงานของพวกเรา ผมก็ขอคุณแฟนๆด้วยนะครับที่ชอบและติดตามผลงานของเรา

วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ความลี้ลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา


สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอ็ตแลนติคภาคตะวันตก พื้นที่ทั้งหมดเริ่มจาก ตอนหนือของเบอร์มิวดาไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดาและจากฟลอริดามุ่งตรงไปทางตะวันออกทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้ง ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก จากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวดาอีกซึ่งทำให้อาณาบริเวณแห่งนี้ กลายเป็นรูปสามเหลี่ยมและอาณาบริเวณรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้เองที่เป็นแหล่งกำเนิด ปรากฏการณ์ อันลี้ลับ มหัศจรรย์ขึ้น ในยุคอวกาศของชาวเราในปัจจุบัน เป็นสิ่งลึกลับและเหลือเชื่อหากจะบอก ท่านว่า เริ่มตั้งแต่หลังสงครามโลก ครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1945 มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่องและเรือ เดินสมุทร จำนวนอีกมากหลายได้ หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้ โดยไม่มีร่องรอย ชีวิตมนุษย์จำนวนพัน ในระยะเวลา กว่า 20 ปีที่ผ่านมา ได้หายไปพร้อมกับ พาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียว หรือเศษชิ้นส่วนใด ๆ ของเรือ หรือ เครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน และชีวิตมนุษย์ ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม- เบอร์มิวดา ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ชาติต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้ ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้า หาสาเหตุ แห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับนี้อย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่มีใคร สามารถบอกสาเหตุ และหาทางป้องกัน จากภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ไม่
เครื่องบินที่หายไปเหนือพื้นทะเลแห่งนี้ส่วนมากก่อนที่จะหายการติดต่อกับฐานปฏิบัติการณ์ หรือสถานีปลายทาง เป็นไปอย่างปกติ และสภาพของบรรยากาศ และทัศนะวิสัย ก็สงบและ แจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุร้ายใด ๆ แต่แล้ว เมื่อถึงบทจะหายเครื่องบินเหล่านั้นก็จะหายไป อย่างฉับพลันโดยไม่มีร่องรอย ซึ่งนักบินก็ไม่มีโอกาสที่จะแจ้งข่าวทาง วิทยุให้หน่วยควบคุม การบินทราบได้ แต่ ก็มีเป็นจำนวนมากเหมือนกัน ก่อนที่เครื่องบินจะหายสาบสูญ นักบิน มีเวลา พอที่จะแจ้งข่าวผิดปกติ มายังฐานปฏิบัติการได้ ซึ่งทุกรายต่างก็แจ้งตรงกันทั้งหมดว่า ไม่สามารถควบคุมกลไกต่าง ๆ ให้ดำเนินไปตามปกติได้ เข็มทิศประจำเครื่องจะหมุน ปั่น จะไม่สามารถบอกทิศทางได้ ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีเหลือง และมองดูคล้ายหมอกหนาทีบ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใส และแดดส่องจ้ามาก่อน และท้องทะเลซึ่งเงียบสงบ กลับปั่นป่วน ขึ้นมาโดยไม่อาจจะทราบสาเหตุได้
อุบัติการณ์ ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้ เกี่ยวกับการสาบสูญของเรือเดินสมุทร และ เครื่องบินเป็นจำนวนมาก ในดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดายังคงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ขาด จนกระทั่งในปัจจุบัน ทุกครั้งที่ได้รับรายงานการ สูญหาย หน่วยยามฝั่งที่ เจ็ด ของกองทัพเรือสหรัฐ จะทำการค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ แต่ก็ประสบความ ล้มเหลว ที่จะพบพยานหลักฐาน ซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้ได้ทุกครั้ง และในที่สุด กองทัพเรือสหรัฐ ก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี ้ไว้เป็นความลับ ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใด ๆ แก่ประชาชน ที่อยากรู้อยากเห็นว่า อุบัติการณ์ ลึกลับเหล่านั้น เกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ของดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาหรือไม่ แต่ทั้ง ๆ ที่กองทัพเรือสหรัฐพยายามจะปกปิด เรื่อราวเหล่านี้ไว้ ประชาชนทั่วไปก็เริ่มรู้ระแคะระคาย ต่าง ๆ และเชื่อว่า จะต้องมี แรงอาถรรพ์ หรือพลังอำนาจอันลึกลับ อย่างหนึ่งอย่างใด ภายในบริเวณ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอย่างแน่นอน และยิ่งปรากฏว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีข่าวรายงานว่า มี นักบิน และนักเดินเรือบางคนได้รอดชีวิตมาจากปรากฏการณ์สยองขวัญ ในดินแดนของ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา จึงทำให้ เกิดการฮือ ฮากันใหญ่ในขณะนี้ แต่อย่างไรก็ดี จวบจน กระทั่งบัดนี้หาได้มีผู้ใด ที่สามารถให้คำอธิบายแจ่มชัด เกี่ยวแก่ความลึกลับและ ความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาได้ไม่ และการสาบสูญ ก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้
มีผู้ให้ความคิดเห็นและคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป บ้างก ็ว่าเนื่องมา จากความปั่นป่วน ของท้องน้ำ ที่เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด จากแผ่นดินไหว ใต้มหาสมุทร หรือเกิดจากอุกาบาตเป็นจำนวนมากในบริเวณนั้น ได้พุงเข้าชนเครื่องบิน และทำให้เกิดระเบิดขึ้นมา รังควานเป็นครั้งเป็นคราว สำหรับนักวิทยาศาสตร์ ให้คำอธิบาย ที่อาจ เป็นไปได้ว่า เครื่องบินและเรือเหล่านั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปยังอีกมิติหนึ่ง ด้วย การกระทำของสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาสูง เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง อีก ทฤษฏีหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ได้ให้เหตุผลว่า เครื่องบินอาจพุ่งดิ่งลงสู่ทะเล เพราะแรงดึงดูด ของ สนามแม่เหล็ก ไฟฟ้าหรือแรงโน้มถ่วงของโลก ที่เกิดจากฝีมือการกระทำของสิ่งมีชีวิต ที่มีปัญญาสูง เมื่อเครืองบิน นั้นร่อนลงสู่พื้นน้ำนักบินและลูกเรือก็จะถูกจับตัวโดย มนุษย์จากจานบิน (UFO) ที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์อีกพวกหนึ่ง ที่ไม่คุ้นเคยกับชาวโลก ซึ่งอาจจะเป็นมนุษย์ที่เหลือรอดมีชีวิต สืบต่อกันมาจากสงครามนิวเคลียร์มหาประลัย ที่เกิดขึ้น ในกาลก่อน หรือเป็นมนุษย์จากอวกาศนอกโลก หรือมนุษย์ในอนาคต ที่ต้องการ รวบรวมตัวอย่างการดำรงชีวิตของ ชาวโลก เพื่อการศึกษาค้นคว้า หรือป้องกันภัย ที่จะเกิด จากอาวุธนิวเคลียร์ ในอนาคตอย่างใดอย่างหนึ่ง
มีอยู่หลายกรณีเกี่ยวกับการสืบสวนความลึกลับของเรื่องนี้ ที่เจ้าหน้าที่มุ่งตรงใน ประเด็นซึ่งเกี่ยวกับท้องทะเล โดยเฉพาะเพราะแม้ว่า เราจะอยู่ในสมัยที่กำลังก้าวเข้าสู่ อวกาศก็ตาม แต่ความลึกลับของท้องทะเล ยังคงเป็นสิ่งมืดมน สำหรับพวกชาวโลกอยู่ ก่อน อื่นเราจะต้องรับความจริงที่ว่า 3 ใน 5 ส่วนของพื้นใต้มหาสมุทร เรายังรู้จักกันน้อยกว่า ปล่องภูเขาไฟในดวงจันทร์ หรือพื้นราบบนดาวอังคารเสียอีก เรามีแต่แผนที่ทางทะเล ที่เขียนขึ้นอย่างหยาบ ๆ จากการ สำรวจโดยใช้เสียงสะท้อนของโซน่า ใช้เครื่องดำน้ำลึก หรือเรือดำน้ำที่มีเขตจำกัดสำรวจได้เฉพาะพื้นน้ำที่ไม่ลึกนัก เท่านั้น และความประสงค์ ส่วนใหญ่ จะมุ่งเฉพาะการค้นหาแหล่งน้ำมัน และทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้นเอง เรายัง ไม่อาจจะทราบได้ว่า ในส่วนก้นบึ้งที่ลึกที่สุด มีอะไรที่จะสร้างความประหลาดใจ อย่างใหญ่หลวงให้แก่พวกเราบ้าง พื้นทะเลลึกและหุบเหวใต้ท้องทะเล อาจจะเป็นที่อาศัย ของสิ่งมีชีวิตที่มีมันสมองและฉลาดเกินกว่าเราจะคาดคิด ก็เป็นได้
ความลึกลับมหัศจรรย์ ใต้ท้องทะเล หาได้หยุดยั้งเพียงเท่าที่กล่าวมาแล้วไม่ นิยายปรัมปรา เล่าลือสืบต่อเนื่องกันมา เกี่ยวกับพิภพ และสัตว์ประหลาดใต้ท้องทะเล โดย ไม่มีวันจบสิ้น และยิ่งการค้นพบหลักฐานซากเมืองโบราณ ใต้พื้นน้ำ ลึกเป็นพัน ๆ ฟุต ในหลายส่วนของพื้นมหาสมุทรทั่วโลก ยิ่งทำให้เรื่องพิลึกกึกกือได้รับความสนใจจาก ความอยากรู้ อยากเห็นของชาวโลกยิ่งขึ้น เราเคยทราบวัฒนธรรม และความรุ่งโรจน์ ของ ชาวเมืองแอตแลนติส โบราณจากบันทึกของ มหาปราชญ์เพลโตเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว ปัจจุบันนักโบราณคดีและนักภูมิศาสตร์ ต่างเชื่อมั่นว่าอาณาจักรแอตแลนติก อันเคยรุ่งเรือง ด้วยอารยธรรมมาก่อนนั้นมีจริง ขณะนี้เมืองทั้งเมืองได้จมหายอยู่ใต้พื้นมหาสมุทร แอตแลนติคที่ใดที่หนึ่ง
อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้แก่โคลัมบัสเมื่อห้าร้อยปีก่อน คือส่วนหนึ่งของ กระแสน้ำอุ่น กัลฟ์ตรีม ที่เรียกกันว่าสายน้ำขาว พื้นน้ำบริเวณนี้จะมองเห็นสุกใส ด้วย แสงเรืองเป็นทางยาว ระยะทางเป็นไมล์ ๆ ใกล้ ๆ กับ บาฮามัส ซึ่งในปัจจุบันแสงเรือง บนพื้นน้ำเหล่านี้ก็ยังคงปรากฏอยู่การตรวจสอบของนักวิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่ทราบแน่ชัด ว่าเกิดการเรืองแสงของจุลินทรีย์ในน้ำที่ถูกฝูงปลารบกวนหรือเป็นแสงเรืองที่เกิดจาก กัมมันตภาพรังสี หรืออาจเป็น การเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาใต้ท้องทะเลกันแน่ และยิ่งกว่านั้น มีเหตุผลพอจะทำให้เชื่อได้ว่า พื้นที่ใต้มหาสมุทรแถวนั้นอาจเป็นที่ตั้งฐาน ใต้น้ำ ของชาวนอกโลก ที่มาศึกษาชีวิตความเป็นไปในโลกของเราก็ได้ และแสงเรือง ที่เกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณให้ยานอวกาศของพวกเขาทราบตำแหน่งที่ตั้งและมองเห็นได้ ชัดเจน ก่อนที่ยานอวกาศจะเข้าสู่บรรยากาศโลก เหตุผลต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ท่านอย่าเพิ่ง เชื่อปักใจ ไปกับอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะตราบใดที่เรายังไม่อาจพิสูจน์ได้แน่ชัด ปรากฏการณ์ประหลากชองสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาก็ยังเป็นเรื่องลึกลับ ที่มืดมนสำหรับเราอยู่
หลังจากได้อ่านแล้ว ทุกๆคนคิดว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวดามีจริงรึเปล่า